MINTตั้งเป้าก.ย.นี้เปิดโรงแรมกว่า 90% คาดนโยบายรัฐหนุนครึ่งปีหลังฟื้น
|
มร. ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังการระบาดของโควิด-19 ในหลายภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ทุกธุรกิจของ MINT เริ่มมีการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม โดยโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์รวมกันกลับมาเปิดให้บริการ (Reopening) แล้วเป็นส่วนใหญ่
โดยสถานการณ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้ง 3 กลุ่ม กลางเดือนกรกฎาคม ธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทกลับมาเปิดให้บริการ แล้ว โดย ไมเนอร์ โฮเทลส์ เปิดให้บริการโรงแรมแล้ว 370 แห่งจากทั้งหมด 535 แห่ง หรือคิดเป็น 69% และคาดว่าจะเปิดให้บริการเพิ่มโดยจะสูงถึง 90% ในเดือนกันยายน
ด้านไมเนอร์ ฟู้ด ร้านอาหารในประเทศไทยเกือบ 95% จากจำนวน 1,490 แห่งทั่วประเทศเปิดให้บริการแล้ว ประเทศจีน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เปิดแล้วมากกว่า 90%
โดยกลยุทธ์การกลับมาดำเนินธุรกิจของ MINT ทั่วโลกนั้น จะกลับมาเปิดให้บริการเฉพาะโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ที่มีจำนวนลูกค้าเพียงพอที่จะสร้างผลกำไรหรือทำให้มีกระแสเงินสดเป็นบวกเท่านั้น
ส่วน โรงแรมในประเทศไทยของ MINT เริ่มด้วยการเปิดให้บริการโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมต้นแบบของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในช่วงเดือนพฤษาภาคม โรงแรมในหัวหินมีผลการดำเนินงานที่ดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่สูง
นอกจากนี้ โรงแรมบางแห่งในเมืองสำคัญต่างๆ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา และขอนแก่น ได้กลับมาเปิดให้บริการต่อมาในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม และเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ และร้านอาหารซูมาที่มีชื่อเสียงได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
" ทางบริษัทคาดว่ามาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”
เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของโรงแรมดังกล่าวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ ฯ กล่าว
ในขณะที่ ธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มมีสัญญานบวกที่เห็นได้ชัด ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปเริ่มเปิดพรมแดนให้สำหรับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในทวีปยุโรป โดย MINT คาดว่าเกือบ 75% ของโรงแรมทั้งหมดในทวีปยุโรปจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม และโรงแรมทั้งหมดจะกลับมาเปิดภายในเดือนกันยายนของปี 63
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลล่าสุดพบว่า 68% ได้กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เร็วกว่าแผนที่เคยได้วางไว้ ในยุโรปกลาง โดยเฉพาะประเทศเยอรมนี มีการฟื้นตัวทางธุรกิจที่เร็วมาก เนื่องจากมีการอนุญาตให้เดินทางภายในประเทศได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ 88% ของโรงแรมทั้งหมดในยุโรปกลางได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว
ส่วนในประเทศสเปนและอิตาลี เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจด้วยการกลับมาเปิดให้บริการโรงแรม 70% และ 66% ตามลำดับ ทั้งนี้โดยเมื่อมีการผ่อนปรนให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศภายในทวีปยุโรปได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มมีผลการดำเนินงานดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในทวีปยุโรปมีสัดส่วน 75-80% ของจำนวนแขกที่เข้าพักทั้งหมด
มร. รามอน อาราโกเนส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป กล่าวว่า ถือเป็นที่โชคดีว่าแผนโครงสร้างต้นทุนที่ยืดหยุ่นที่ทางบริษัทนำมาใช้ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมาฟื้นได้ค่อนข้างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยโรงแรมในยุโรปจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปเยอะขึ้น โดยเฉพาะในประเทศสเปนที่มีอัตราการเข้าพักในปัจจุบันสูงถึง 40-50% แล้ว ทางบริษัทเชื่อมั่นว่าจะเริ่มเห็นสัญญานบวกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
ด้านการดำเนินงานของ ไมเนอร์ ฟู้ด การดำเนินงานในประเทศไทย เกือบ 95% ของสาขาร้านอาหารทั้งหมด 1,490 แห่งทั่วประเทศกลับมาเปิดให้บริการ โดยนับตั้งแต่กลับมาเปิดสาขา ยอดขายของแบรนด์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 รวมถึงจะยังคงมุ่งเน้นไปที่นโยบายการผลักดันการขายผ่านบริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้านซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่การดำเนินงานในต่างประเทศนั้นมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศจีน ซึ่งกว่า 90% ของสาขาร้านอาหารทั้งหมดได้เปิดให้บริการตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม และมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์โรคระบาดที่คงที่และปรับตัวดีขึ้น
โดย MINT ให้ความสําคัญในการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง โดยบริษัทมีเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่อของทั้ง MINT และ NH รวมทั้งหมดจํานวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต
และจากแผนการระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท MINT ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน MINT อยู่ในระหว่างการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนโดยการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวนรวม 1.5 หมื่นล้านบาท
ลักษณะธุรกิจของ MINT
เป็นผู้ดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา และให้เช่าศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบันเทิงและธุรกิจจัดจำหน่าย
efinancethai
pgslot
ตอบลบPG slot ทดลองเล่น
pg168
PG slot wallet
pg slot